“สมาคมตำรวจ" (THE ROYAL THAI POLICE ASSOCIATION) สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ ณ อาคารสโมสรตำรวจ เลขที่ ๘๙ หมู่ ๓ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๑๐
วัตถุประสงค์ของสมาคมตำรวจ
ให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สวัสดิการ และความเป็นธรรมของสมาชิก ข้าราชการตำรวจ และประชาชนอย่างทั่วถึงครอบคลุมทุกภูมิภาคโดยการบริหารงานในรูปแบบสมาคมตำรวจสาขาในจังหวัดต่างๆ โดยมีหัวหน้าสมาคมตำรวจสาขาเป็นผู้รับผิดชอบ
พัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิก ข้าราชการตำรวจ และครอบครัว
พัฒนาศักยภาพของบุคลากรตำรวจ องค์กรตำรวจ และผู้ทำหน้าที่ในการรักษาสันติสุขของสังคม
ประกาศเกียรติคุณข้าราชการตำรวจ และผู้ประกอบคุณงามความดีแก่สังคม
สงเคราะห์ข้าราชการตำรวจ อาสาสมัคร พลเมืองดี ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่
ผลักดันการปรับปรุงองค์กร ระบบงาน เทคโนโลยี ระเบียบ และกฎหมาย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานขององค์กรตำรวจ และองค์กรที่ทำหน้าที่รักษาสันติสุขของสังคม
ผลักดันให้องค์กรตำรวจเป็นองค์กรวิชาชีพที่ปราศจากการแทรกแซงจากอิทธิพลภายนอก
ร่วมมือกับองค์กรภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างความปลอดภัย การจัดระเบียบสังคม ปัญหาความเดือดร้อน และสันติสุขของสังคม
ดำเนินการหรือร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายจัดการศึกษา วิจัย ฝึกอบรม จัดประชุมหรือสัมมนาทางวิชาการ จัดนิทรรศการ เพื่อเพิ่มพูนองค์ความรู้ทางวิชาการและทักษะในการปฏิบัติงานของตำรวจและการรักษาสันติสุขของสังคมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินการหรือร่วมกับองค์กรอื่น เพื่อการสาธารณกุศล และการสาธารณประโยชน์
ดูข้อมูลเกี่ยวกับสมาคมตำรวจเพิ่มได้ที่ www.rtpa.or.th
ข้อกำหนดการใช้งานทั่วไปของ สมาคมตำรวจ
บรรดาข้อกำหนดการใช้งานทั่วไปของ สมาคมตำรวจ ในเอกสารฉบับนี้ (ต่อไปนี้เรียกว่า "ข้อกำหนดการใช้งาน") ให้ใช้บังคับโดยทั่วไปกับทุกคน (ต่อไปนี้เรียกว่า "คุณ” หรือ “ผู้ใช้” ขึ้นอยู่กับบริบท) ในการใช้บริการ ซอฟต์แวร์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ (ต่อไปนี้เรียกรวมกันว่า “บริการ”) ซึ่งให้บริการโดย สมาคมตำรวจ (ต่อไปนี้เรียกว่า “สมาคม”)
บทที่ 1 หลักเกณฑ์ทั่วไป
1. คำจำกัดความ
บรรดาคำและข้อกำหนดดังต่อไปนี้เมื่อใช้ในข้อกำหนดการใช้งานฉบับนี้ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ ดังนี้
1.1. “เนื้อหา” หมายถึง ข้อมูล เช่น ข้อความ เสียง เพลง รูปภาพ วิดีโอ ซอฟต์แวร์ โปรแกรม รหัสคอมพิวเตอร์ และข้อมูลอื่น ๆ
1.2. “เนื้อหารายการ” หมายถึง เนื้อหาที่อาจเข้าถึงได้ผ่านทางบริการ
1.3. “การส่ง (หรือส่ง)” หมายถึง การส่ง โพสต์ เปิดเผย ให้ หรือ การส่งสัญญาณซึ่งเนื้อหาไปยังหรือบนบริการ
1.4. “เนื้อหาที่ส่ง” หมายถึง เนื้อหาที่ผู้ใช้ได้ส่งไปยังบริการ
1.5. “เงื่อนไขการใช้งานเฉพาะบุคคล” หมายถึง เงื่อนไขการใช้งานอีกฉบับแยกจากข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริการเฉพาะที่สมาคมได้เผยแพร่หรืออัปโหลดไว้ และใช้กับการใช้บริการภายใต้ชื่อต่าง ๆ เช่น “เงื่อนไขทั่วไป” “เงื่อนไข” “แนวปฏิบัติ” “นโยบาย” หรือชื่ออื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน
1.6. “ค่าบริการ” หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการใช้บริการไม่ว่าจะมีชื่อเรียกประการใดก็ตาม เช่น ค่าบริการ อัตรา ค่าธรรมเนียม ค่าสมาชิกหรืออื่น ๆ (ซึ่งรวมถึงหนี้ของผู้ใช้ที่สมาคมได้มอบหมายให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ติดตามทวงถามหนี้ดังกล่าว)
1.7. “บริการสมัครสมาชิกต่อเนื่อง” หมายถึง บริการต่าง ๆ ที่คุณสามารถใช้เนื้อหาเฉพาะหรือบริการที่สมาคมกำหนดได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยการชำระค่าธรรมเนียมคงที่
2. การใช้บริการ
2.1. ในการใช้บริการ คุณจะต้องยอมรับข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ โดยไม่ว่าจะมีการเรียกเก็บเงินหรือไม่ หรือจำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชีหรือไม่ก็ตาม
2.2. ในการเข้าใช้บริการซึ่งให้บริการโดยไม่คิดค่าบริการ (จำกัดเฉพาะบริการที่สามารถเข้าใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี) สมาคมจะถือว่าคุณได้ตกลงยอมรับตามข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้แล้ว
2.3. ผู้ใช้ที่เป็นผู้เยาว์จะใช้บริการได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองตามกฎหมายแล้วเท่านั้น
2.4. หากผู้ใช้จะเข้าใช้บริการในนามของหรือเพื่อวัตถุประสงค์ขององค์กรธุรกิจ องค์กรธุรกิจดังกล่าวจะต้องตกลงยอมรับข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ก่อนที่จะใช้บริการด้วย
2.5. ผู้ใช้จะต้องใช้บริการด้วยความรับผิดชอบของตนเอง
3. ข้อจำกัดในการใช้บริการ
3.1. สมาคมอาจเพิ่มเงื่อนไขต่าง ๆ สำหรับการใช้บริการได้ เช่น การจำกัดการใช้งานเฉพาะผู้ที่มีบัญชีลงทะเบียนแล้ว หรือผู้ที่มีอายุตามที่กำหนดหรือมากกว่า หรือผู้ที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดบางประการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่สมาคมกำหนดไว้ เช่น การระบุตัวตน เป็นต้น
3.2. สมาคมไม่อนุญาตให้สมาชิกของกองกำลังต่อต้านสังคม (รวมถึงผู้ที่เคยเป็นสมาชิกในอดีต) บุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือบุคคลที่ใช้บริการในทางที่ผิดเข้าใช้บริการ หรือหากการเข้าใช้งานนั้นก่อให้เกิดปัญหากับบุคคลภายนอก
4. ข้อมูลการลงทะเบียนบัญชี
4.1. ในการลงทะเบียนบัญชี คุณมีหน้าที่ต้อง (1) ลงทะเบียนข้อมูลที่เป็นจริงและถูกต้อง และ (2) แก้ไขตามที่เหมาะสมด้วยตนเองเพื่อให้ข้อมูลที่ลงทะเบียนนั้นเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
4.2. ผู้ใช้รายใดที่ลงทะเบียนบัญชีแล้วอาจลบบัญชีผู้ใช้ดังกล่าวเมื่อใดก็ได้
4.3. สิทธิใด ๆ ทุกประการของผู้ใช้ในการใช้บริการซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทะเบียนบัญชีจะสิ้นสุดลงเมื่อบัญชีของผู้ใช้ดังกล่าวถูกลบไปไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม โปรดทราบว่าเมื่อบัญชีถูกผู้ใช้ลบ ถึงแม้ว่าจะกระทำโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม จะไม่สามารถกู้คืนได้
4.4. บัญชีของผู้ใช้มีไว้สำหรับใช้งานโดยเฉพาะและเป็นของผู้ใช้บัญชีดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งผู้ใช้ไม่สามารถถ่ายโอน ให้เช่า หรือจำหน่ายโดยประการอื่นใดให้กับบุคคลภายนอกซึ่งสิทธิของตนในการใช้บริการซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทะเบียนบัญชี และไม่อาจรับสืบทอดหรือรับช่วงต่อมาจากบุคคลภายนอกได้
5. การให้บริการสมัครสมาชิกต่อเนื่อง
5.1. ผู้ใช้สามารถรับบริการสมัครสมาชิกต่อเนื่องได้ภายใต้เงื่อนไขตามที่สมาคมกำหนด นอกเหนือจากข้อกำหนดในเอกสารฉบับนี้ ผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขค่าธรรมเนียมสำหรับบริการสมัครสมาชิกต่อเนื่อง วิธีการชำระเงิน รวมถึงเงื่อนไขการใช้งานเฉพาะบุคคลอื่น ๆ ที่ประกาศเผยแพร่บนบริการหรือบนเว็บไซต์ของสมาคม
5.2. เว้นแต่ในกรณีที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการใช้งานเฉพาะบุคคล ผู้ใช้สามารถดำเนินการยกเลิกบริการสมัครสมาชิกต่อเนื่องได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ใช้จะดำเนินการตามขั้นตอนการยกเลิกก่อนถึงระยะเวลาการใช้งานที่ประสงค์ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระยะเวลาการใช้งานดังกล่าวได้ หรือผู้ใช้ไม่สามารถยกเลิกการซื้อบริการสมัครสมาชิกต่อเนื่องได้ โดยในกรณีดังกล่าว ค่าธรรมเนียมที่ชำระไปแล้วจะไม่สามารถคืนได้ และจะไม่มีการคืนเงินให้ตามสัดส่วน แต่ข้อกำหนดข้างต้นไม่ให้มีผลบังคับใช้หากมีบทบัญญัติกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ กำหนดไว้เป็นประการอื่น
5.3. หากผู้ใช้ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนการยกเลิกให้เสร็จสิ้นภายในวันและเวลาที่กำหนด ระยะเวลาการใช้บริการสมัครสมาชิกต่อเนื่องอาจถูกต่ออายุออกไปโดยอัตโนมัติตามข้อกำหนดที่สมาคมกำหนดแม้ว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บริการสมัครสมาชิกต่อเนื่องดังกล่าวแล้วก็ตาม
6. โฆษณา
สมาคมอาจโพสต์เผยแพร่โฆษณาของสมาคมหรือของบุคคลภายนอกบนบริการได้
7. ไม่มีฟังก์ชั่นการโทรศัพท์ฉุกเฉิน
บริการนี้ไม่สามารถใช้พึ่งพาได้สำหรับการโทรฉุกเฉิน เช่น การโทรไปยังหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย หน่วยดับเพลิง หรือบริการฉุกเฉินอื่น ๆ
8. เนื้อหา
8.1. สมาคมอนุญาตให้สิทธิในการใช้งานเนื้อหารายการที่สมาคมจัดหาให้แก่ผู้ใช้ แบบไม่สามารถโอนให้แก่กันได้ ไม่สามารถให้อนุญาตช่วงได้ และไม่ใช่สิทธิแต่เพียงผู้เดียว เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้บริการเท่านั้น
8.2. ผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่บังคับใช้กับการใช้งานเนื้อหารายการที่อยู่ภายใต้บังคับเงื่อนไขการใช้งานต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมและระยะเวลาการใช้งาน และเงื่อนไขอื่น ๆ ในประการเดียวกัน โดยถึงแม้ว่าจะปรากฏคำต่าง ๆ เช่น "การซื้อ" "การขาย" และข้อความอื่น ๆ ในทำนองเดียวกันบนหน้าจอสำหรับบริการ สมาคมหรือพันธมิตรมิตรผู้ให้บริการร่วมกับสมาคม จะยังคงเป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมด ตลอดจนสิทธิอื่น ๆ ทุกประการในเนื้อหาที่สมาคมหรือพันธมิตรมิตรผู้ให้บริการร่วมกับสมาคมให้บริการแก่ผู้ใช้ และสิทธิดังกล่าวจะไม่ถูกโอนไปยังผู้ใช้ โดยผู้ใช้จะได้รับสิทธิในการใช้งานตามที่กำหนดไว้ข้างต้นเท่านั้น
8.3. คุณจะต้องไม่ใช้ (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการคัดลอก การส่งต่อ การทำซ้ำ และการดัดแปลง) เนื้อหารายการเกินขอบเขตของการใช้งานตามเจตนาของเนื้อหารายการในบริการ
9. การจัดการข้อมูลและเนื้อหาของผู้ใช้
9.1. สมาคมไม่มีหน้าที่ต้องสำรองข้อมูลและเนื้อหาที่ส่งซึ่งคุณเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ที่บริหารจัดการโดยสมาคม และคุณต้องรับผิดชอบในการสำรองข้อมูลด้วยตัวคุณเอง
9.2. ลิขสิทธิ์ในเนื้อหาที่ส่งเป็นของคุณหรือผู้ถือลิขสิทธิ์ในเนื้อหาดังกล่าว
ส่วนบรรดาเนื้อหาที่ส่งมายังบริการที่สามารถเข้าถึงได้โดยผู้ใช้แบบไม่ระบุตัวตนหรือผู้ใช้จำนวนมาก เช่น กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์และเนื้อหาที่เปิดเผยต่อผู้ใช้ทั่วไปรายอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนของคุณในบริการ เช่น โมบายแอปพลิเคชันที่สมาคมให้บริการนั้น คุณจะต้องให้สิทธิอนุญาต (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสิทธิในการอนุญาตช่วง) แก่สมาคมในการใช้งาน (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการทำซ้ำ การคัดกรอง การส่งสัญญาณ การจัดแสดง การเผยแพร่สู่สาธารณะ การโอน การยืม การแปล การดัดแปลง และการตีพิมพ์ ซึ่งเนื้อหาที่ส่งดังกล่าวโดยไม่มีค่าใช้จ่ายและแบบไม่ใช่สิทธิแต่เพียงผู้เดียว โดยมีระยะเวลาไม่จำกัดทั้งในและนอกประเทศไทย
บริการอาจมีฟังก์ชันที่ยอมให้ผู้ใช้หลายคนสามารถแก้ไขเนื้อหา (เช่น การโพสต์ แก้ไข และลบ ฯลฯ) ได้ โดยในกรณีดังกล่าว ผู้ใช้ที่โพสต์เผยแพร่เนื้อหาที่ส่งของตนจะต้องให้สิทธิแก่ผู้ใช้รายอื่นในการแก้ไขเนื้อหาที่ส่งดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ คุณจะต้องไม่ใช้สิทธิต่าง ๆ เช่น สิทธิทางศีลธรรมของผู้ประพันธ์
9.3. หากสมาคมรับทราบว่าคุณได้ฝ่าฝืน หรืออาจฝ่าฝืนกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ หรือข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ในประการที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ส่ง หรือในกรณีประการอื่นใดเมื่อมีความจำเป็นตามสมควรสำหรับธุรกิจ สมาคมอาจจำกัดการใช้บริการ เช่น การลบเนื้อหาที่ส่ง โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวให้คุณทราบล่วงหน้า
9.4. สมาคมอาจตรวจสอบและยืนยันเนื้อหาในเนื้อหาที่ส่งโดยผู้ใช้ตามขอบเขตที่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เมื่อสมาคมจำเป็นต้องยืนยันการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องหรือบทบัญญัติต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดการใช้งานนี้ ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตาม สมาคมไม่มีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการยืนยันดังกล่าว
10. ฟังก์ชันข้อความโดยใช้กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ การเรียกดูและสิทธิ์ในการลบ
บริการบางประเภทจะมีฟังก์ชันการแลกเปลี่ยนข้อความระหว่างผู้ใช้โดยใช้ระบบของกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ โดยกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทจะสามารถเข้าดูได้โดยบุคคลเพียงสามฝ่ายเท่านั้น ได้แก่ ผู้ส่งข้อความ ผู้รับข้อความ และสมาคม ซึ่งในกรณีดังกล่าว สมาคมอาจเข้าดูเนื้อหาตามความจำเป็นและลบข้อความตามข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ได้
11. ความรับผิดชอบของผู้ใช้เกี่ยวกับบัญชีและรหัสผ่าน ฯลฯ
เมื่อลงทะเบียนข้อมูลการพิสูจน์ตัวตนในการใช้บริการ ผู้ใช้ต้องจัดการข้อมูลการพิสูจน์ตัวตนดังกล่าวด้วยความรับผิดชอบของตนเองอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันมิให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ในกรณีที่มีการดำเนินการโดยใช้ข้อมูลการพิสูจน์ตัวตนของผู้ใช้ที่ลงทะเบียนไว้ (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงกรณีต่าง ๆ ที่ผู้ใช้พิสูจน์ตัวตนโดยใช้บัญชีและรหัสผ่านร่วมกัน หรือการเปรียบเทียบรหัสที่กำหนดขึ้นโดยเฉพาะสำหรับหมายเลขโทรศัพท์มือถือแต่ละหมายเลขซึ่งส่งมาจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่กับข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้) สมาคมจะให้บริการโดยถือว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำโดยผู้ใช้จริง โดยหากมีค่าบริการเกิดขึ้นสำหรับการใช้บริการหรือการซื้อผลิตภัณฑ์จากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนซึ่งดำเนินการโดยใช้ข้อมูลการพิสูจน์ตัวตนของผู้ใช้ สมาคมจะเรียกเก็บค่าบริการดังกล่าวกับผู้ใช้ เว้นแต่ในกรณีการประพฤติผิดโดยเจตนาหรือความประมาทเลินเล่อโดยฝ่ายสมาคม
12. การให้บริการ
12.1. ผู้ใช้จะต้องจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สื่อสารอื่น ๆ ระบบ ปฏิบัติการ วิธีการสื่อสาร และไฟฟ้า ฯลฯ ที่จำเป็นสำหรับการใช้บริการด้วยความรับผิดชอบและค่าใช้จ่ายของตนเอง
12.2. สมาคมอาจระงับการให้บริการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวในกรณีดังต่อไปนี้:
(1) เมื่อดำเนินการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมระบบ
(2) เมื่อไม่สามารถให้บริการได้เนื่องจากเหตุสุดวิสัย เช่น อุบัติเหตุ (อัคคีภัย ไฟฟ้าดับ ฯลฯ) เหตุสุดวิสัย สงคราม การจลาจล ข้อพิพาทแรงงาน
(3) เมื่อระบบล้มเหลวหรือมีภาระงานหนักในระบบ
(4) เมื่อต้องรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้หรือบุคคลภายนอก หรือในกรณีฉุกเฉินเพื่อสวัสดิภาพของสาธารณะ หรือ
(5) เมื่อสมาคมพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลว่าเป็นการจำเป็น นอกเหนือจากที่กรณีที่กำหนดไว้ในแต่ละข้อข้างต้น
13. การรับประกันและการปรับเปลี่ยนบริการ
13.1. สมาคมไม่ให้การรับประกันไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายเกี่ยวกับเนื้อหาของบริการว่าจะปราศจากปัญหา (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อบกพร่องเกี่ยวกับความปลอดภัย ข้อผิดพลาดและจุดบกพร่อง และการละเมิดสิทธิ์) หรือเกี่ยวกับด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ประสิทธิผล และความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ และความต่อเนื่องของการให้บริการ ทั้งนี้ สมาคมไม่มีหน้าที่ให้บริการแก่คุณเมื่อขจัดปัญหาดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว
13.2. สมาคมอาจแก้ไขเนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนของบริการได้ในกรณีใด ๆ ต่อไปนี้
(1) เมื่อการปรับเปลี่ยนเนื้อหาของบริการ เช่น การเพิ่มฟังก์ชันหรือการปรับปรุงบริการ นั้นสอดคล้องกับผลประโยชน์ทั่วไปของผู้ใช้ หรือ
(2) ในกรณีอื่นนอกเหนือจากข้างต้น เมื่อมีเหตุผลในด้านความจำเป็นสำหรับการแก้ไขเนื้อหาของบริการ ความเหมาะสมของเนื้อหาภายหลังการแก้ไข และสถานการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไข
14. การห้ามใช้บริการเพื่อการอื่น ฯลฯ
เว้นแต่สมาคมจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น คุณไม่อาจใช้บริการหรือข้อมูลประกอบในบริการเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ โดยในกรณีที่คุณดำเนินการเช่นว่า สมาคมมีสิทธิที่จะระงับการกระทำดังกล่าวและเรียกเก็บเงินจากคุณในจำนวนที่เทียบเท่ากับกำไรหรือผลประโยชน์ที่คุณได้รับจากการกระทำนั้น
15. เรื่องที่ต้องปฏิบัติตามในการใช้บริการ
การกระทำต่อไปนี้เป็นสิ่งต้องห้ามเมื่อใช้บริการ
(1) การกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายและกฎเกณฑ์ คำพิพากษา คำตัดสินหรือคำสั่งของศาล หรือมาตรการทางปกครองที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
(2) การกระทำที่ขัดต่อบรรทัดฐานทางสังคมหรือนโยบายสาธารณะ การละเมิดลิขสิทธิ์ สิทธิในเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตรหรือทรัพย์สินทางปัญญาอื่น ๆ สิทธิในเกียรติยศ สิทธิส่วนบุคคล หรือสิทธิอื่น ๆ ที่ได้รับตามกฎหมาย หรือสิทธิตามสัญญาอื่น ๆ ของสมาคมหรือของบุคคลภายนอก หรือการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
(3) การส่งการแสดงออกที่แสดงความรุนแรงมากเกินไป การแสดงออกทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง การแสดงออกที่เกี่ยวข้องกับภาพอนาจารเด็กหรือการล่วงละเมิดเด็ก การแสดงออกที่นำไปสู่การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ สัญชาติ ความเชื่อ เพศ สถานะทางสังคมหรือชาติกำเนิด การแสดงออกที่อาจชักจูงหรือเอื้อต่อการฆ่าตัวตาย การทำร้ายตนเอง หรือการใช้ยาในทางที่ผิด หรือการแสดงออกอื่น ๆ ที่มีเนื้อหาต่อต้านสังคมและทำให้ผู้อื่นไม่พอใจ
(4) การส่งโปรแกรม ฯลฯ ที่จะทำลายหรือขัดขวางการทำงานของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ฯลฯ ที่ใช้งานโดยผู้ใช้รายอื่น
(5) การทำลายหรือขัดขวางการทำงานของเซิร์ฟเวอร์หรือเครือข่ายของสมาคม การดำเนินการบริการโดยมิชอบโดยใช้โปรแกรมบอท เครื่องมือกลโกงหรือวิธีการทางเทคนิคอื่น ๆ การกระทำโดยใช้ข้อบกพร่องของบริการโดยเจตนา การสอบถามหรือร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผลถึงสมาคม เช่น การถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ หรือการกระทำอื่นใดที่ขัดขวางหรือบั่นทอนการทำงานของบริการหรือการใช้บริการโดยผู้ใช้รายอื่น
(6) การทำวิศวกรรมย้อนกลับ การถอดประกอบ หรือถอดรหัสซอร์สโค้ดด้วยวิธีอื่นใดเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สมเหตุสมผลหรือในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง
(7) การกระทำที่ขัดขวางบริการ โฆษณาที่สมาคมเผยแพร่ หรือบริการหรือโฆษณาต่าง ๆ ที่อยู่บนเว็บไซต์หรือแอปต่าง ๆ ของสมาคม
(8) การรวบรวม สะสม เปิดเผย หรือให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกโดยมิชอบ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลการลงทะเบียน และข้อมูลประวัติการใช้งาน
(9) การส่งข้อความเดียวกันหรือคล้ายกันไปยังผู้ใช้จำนวนมากโดยไม่จำกัดจำนวน (เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากสมาคม) การเพิ่มผู้ใช้รายอื่นเป็นเพื่อนโดยไม่เลือกหน้าหรือเพื่อพูดคุยเป็นกลุ่มในบริการ เช่น โมบายแอปพลิเคชันที่สมาคมให้บริการ หรือการกระทำอื่นใดที่สมาคมถือว่าเป็นการส่งข่าวขยะ
(10) การแปลงสิทธิในการใช้บริการหรือเนื้อหาต่าง ๆ เป็นเงินสด ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ด้วยวิธีอื่นนอกเหนือจากวิธีที่สมาคมกำหนด
(11) การมีส่วนร่วมในการขาย การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา การชักชวน หรือการกระทำอื่นใดเพื่อผลกำไร การกระทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพบปะหรือออกเดทกับคนแปลกหน้า (เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากสมาคม) การกระทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพฤติกรรมทางเพศหรือการกระทำที่ลามกอนาจาร การกระทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อกวนหรือหมิ่นประมาทผู้ใช้รายอื่น กิจกรรมทางศาสนาหรือการชักชวนผู้อื่นให้เข้าร่วมองค์กรทางศาสนา หรือการกระทำอื่นใดในการใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่กำหนดไว้สำหรับบริการ
(12) การใช้บริการโดยใช้บัญชีผู้ใช้ของบุคคลอื่น
(13) การกระทำที่นำไปสู่การบิดเบือนความจริงของสมาคม และ/หรือ บุคคลภายนอก หรือการจงใจเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ
(14) การกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งบัญชีหรือรหัสผ่านจากผู้อื่น หรือเปิดเผยหรือให้บัญชีหรือรหัสผ่านแก่ผู้อื่นไม่ว่าจะใช้วิธีการใด
(15) การให้ผลประโยชน์แก่กองกำลังต่อต้านสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือการกระทำอื่นใดที่เป็นการให้ความร่วมมือกับกองกำลังต่อต้านสังคม
(16) การให้ความช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในการกระทำใด ๆ ข้างต้นหรือการตระเตรียมการกระทำดังกล่าว
(17) การกระทำใด ๆ นอกเหนือจากการกระทำต่าง ๆ ข้างต้นที่สมาคมพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
16. การไม่โอนสิทธิหรือหน้าที่
คุณไม่สามารถโอนมอบซึ่งฐานะทางสัญญาทั้งหมดหรือบางส่วนของข้อตกลงที่อยู่ภายใต้บังคับข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ หรือสิทธิและภาระผูกพันที่เกิดขึ้นจากข้อตกลงดังกล่าวให้กับบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจากสมาคมได้
17. การลบการส่ง การระงับการใช้บริการ การลบบัญชี
17.1. ในกรณีใด ๆ ต่อไปนี้ สมาคมอาจใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อดำเนินการบริการที่สมาคมให้บริการอย่างเหมาะสมโดยไม่บอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้าได้ เช่น การลบข้อมูลหรือเนื้อหา การห้ามใช้บริการทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการลบบัญชีผู้ใช้
นอกจากนี้ หากคุณลงทะเบียนบัญชีไว้หลายบัญชี มาตรการเช่นว่าอาจนำไปใช้กับบัญชีดังกล่าวทุกบัญชีด้วย
(1) เมื่อคุณฝ่าฝืนเรื่องใด ๆ ที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติกฎหมายและกฎเกณฑ์ ข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้หรือเงื่อนไขการใช้งานเฉพาะบุคคล หรือเมื่อสมาคมพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลว่ามีความเสี่ยงต่อการละเมิดดังกล่าว
(2) เมื่อคุณทำให้ความน่าเชื่อถือของสมาคมเสื่อมเสียลงโดยการแพร่กระจายข่าวลือ ใช้วิธีการฉ้อฉล ใช้กำลังหรือวิธีการอื่นที่ไม่ถูกต้อง
(3) เมื่อบัญชีถูกลงทะเบียนหรือใช้งานโดยกองกำลังต่อต้านสังคมหรือสมาชิกหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือเมื่อสมาคมพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลว่ามีความเสี่ยงต่อเหตุดังกล่าว
(4) เว้นแต่กรณีที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการใช้งานเฉพาะบุคคล เมื่อคุณไม่ได้ใช้บัญชีหรือบริการเฉพาะอย่างของคุณเป็นเวลา 1 ปีหรือนานกว่านั้น และ
(5) ในกรณีอื่นใดที่สมาคมพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลว่าเป็นการยากที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางสัญญาระหว่างคุณกับสมาคม เช่น เมื่อความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจกับคุณสูญเสียไป
17.2. เมื่อสมาคมพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลว่าคุณกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางด้านเครดิต เช่น เมื่อข้อเรียกร้องของสมาคมที่มีต่อคุณอยู่ภายใต้บังคับการอายัดหรือการอายัดชั่วคราว หรือเมื่อคุณถูกยื่นคำร้องขอเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย การฟื้นฟูกิจการทางแพ่ง หรือการดำเนินการอื่นที่คล้ายคลึงกัน หรือเมื่อคุณยื่นคำร้องขอการดำเนินการข้างต้นเอง สมาคมอาจใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อดำเนินการบริการอย่างเหมาะสมโดยไม่บอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้าได้ เช่น ระงับการใช้บริการแบบที่ต้องชำระเงินและบริการชำระเงินของสมาคม หรือยุติสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการดังกล่าว นอกจากนี้ หากคุณลงทะเบียนบัญชีไว้หลายบัญชี มาตรการเช่นว่าอาจนำไปใช้กับบัญชีดังกล่าวทุกบัญชีด้วย
17.3. ในกรณีใด ๆ ต่อไปนี้ สมาคมอาจใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อดำเนินการบริการอย่างเหมาะสมโดยไม่บอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้าได้ เช่น การลบบัญชีผู้ใช้ นอกเหนือจากมาตรการตามข้อ 17.2 ข้างต้นด้วย นอกจากนี้ หากคุณลงทะเบียนบัญชีไว้หลายบัญชี มาตรการเช่นว่าอาจนำไปใช้กับบัญชีดังกล่าวทุกบัญชีด้วย
(1) เมื่อมีความล่าช้าในการชำระค่าบริการที่ต้องชำระให้กับสมาคม และแม้ว่าสมาคมจะเรียกร้อง
อย่างเป็นทางการให้คุณชำระเงินภายในระยะเวลาที่เหมาะสม แต่คุณไม่ได้ดำเนินการภายในระยะเวลาดังกล่าวหลายครั้ง และสมาคมพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลแล้วว่าเป็นเรื่องยากที่จะรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์ตามสัญญาของสมาคมกับคุณ
(2) เมื่อการใช้บัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารที่กำหนดให้เป็นวิธีการชำระค่าบริการถูกระงับ และแม้ว่าสมาคมจะเรียกร้องอย่างเป็นทางการหลายครั้งให้ลงทะเบียนบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารอื่นที่ถูกต้อง แต่คุณไม่ได้ดำเนินการภายในระยะเวลาที่เหมาะสม และสมาคมพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลแล้วว่าเป็นเรื่องยากที่จะรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์ตามสัญญาของสมาคมกับคุณ และ
(3) เมื่อข้อเรียกร้องของสมาคมที่มีต่อคุณอยู่ภายใต้บังคับการอายัด หรือเมื่อสมาคมพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลว่าคุณกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางด้านเครดิต เช่น เมื่อคุณถูกคำร้องขอเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย การฟื้นฟูกิจการทางแพ่ง หรือการดำเนินการอื่นที่คล้ายคลึงกัน หรือเมื่อคุณยื่นคำร้องขอการดำเนินการข้างต้นเอง
18. การชดเชยสมาคม
หากสมาคมได้รับความเสียหายใด ๆ เนื่องจากการประพฤติผิดโดยจงใจหรือความประมาทเลินเล่อของคุณ คุณต้องชดเชยความเสียหายที่สมาคมได้รับทันทีเมื่อสมาคมเรียกร้องขอค่าชดเชยดังกล่าว
19. การปฏิเสธความรับผิด
19.1. สมาคมจะได้รับการยกเว้นจากความรับผิด ไม่ว่าจะมีลักษณะของความรับผิดประการใดก็ตาม เว้นแต่จะเกิดจากความจงใจหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของสมาคม
19.2. โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติของวรรคก่อนหน้านี้ หากสัญญากับผู้ใช้เกี่ยวกับการใช้บริการภายใต้ข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ถือเป็นสัญญาผู้บริโภคตามที่กำหนดไว้ภายใต้พระราชบัญญัติสัญญาผู้บริโภคของประเทศไทย สมาคมจะรับผิดชอบชดเชยการสูญเสียหรือความเสียหายภายในขอบเขตของการสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นตามปกติวิสัย ในจำนวนสูงสุดไม่เกินจำนวนเงินที่เรียกเก็บสำหรับบริการแบบที่ต้องชำระเงิน (เทียบเท่ากับค่าบริการหนึ่งเดือนในกรณีของบริการแบบสมัครสมาชิกต่อเนื่อง) และจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียผลกำไรหรือความเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์พิเศษ เว้นแต่ในกรณีที่เกิดจากความจงใจหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของสมาคม
19.3. หากสมาคมก่อให้เกิดความเสียหายแก่คุณเนื่องจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของสมาคม สมาคมจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียผลกำไรหรือความเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์พิเศษ และจะรับผิดชอบชดเชยการสูญเสียหรือความเสียหายภายในขอบเขตของการสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นตามปกติวิสัย ในจำนวนสูงสุดไม่เกินจำนวนเงินที่เรียกเก็บสำหรับบริการแบบที่ต้องชำระเงิน (เทียบเท่ากับค่าบริการ 100 บาท ในกรณีของบริการสมาชิสามัญตลอดชีพ) เว้นแต่ในกรณีที่สัญญากับผู้ใช้เกี่ยวกับการใช้บริการภายใต้ข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ถือเป็นสัญญาผู้บริโภคตามที่กำหนดไว้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศไทย
20. เงื่อนไขการใช้งานเฉพาะบุคคล
ในบริการบางประเภทอาจมีการกำหนดเงื่อนไขการใช้งานเฉพาะบุคคลขึ้นเพิ่มเติมจากข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ โดยหากมีความแตกต่างใด ๆ ระหว่างข้อกำหนดการใช้งานนี้และเงื่อนไขการใช้งานเฉพาะบุคคล เว้นแต่ในกรณีที่กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้เงื่อนไขการใช้งานเฉพาะบุคคลจะมีผลใช้บังคับเหนือข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ในประการที่เกี่ยวข้องกับบริการดังกล่าว
21. บริการของบุคคลภายนอก
บริการอาจมีบริการหรือเนื้อหาที่จัดหาโดยบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาคม และบุคคลภายนอกดังกล่าวนั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบใด ๆ ทุกประการเกี่ยวกับบริการ และ/หรือเนื้อหาดังกล่าวนั้นเอง นอกจากนี้ บุคคลภายนอกดังกล่าวอาจกำหนดเงื่อนไขการใช้งานสำหรับบริการและเนื้อหาดังกล่าวด้วย
22. การบอกกล่าวหรือการติดต่อ
22.1. การติดต่อสื่อสารใด ๆ จากสมาคมถึงคุณเกี่ยวกับบริการจะกระทำโดยการโพสต์เผยแพร่บนบริการหรือในตำแหน่งที่เหมาะสมบนเว็บไซต์ของสมาคม หรือโดยวิธีการอื่นใดตามที่สมาคมเห็นว่าเหมาะสม
22.2. หากคุณประสงค์จะติดต่อสมาคม โปรดดำเนินการตามวิธีการที่สมาคมกำหนดไว้ เช่น การส่งแบบฟอร์มสอบถามตามที่สมาคมกำหนดไว้ หรือการส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลที่สมาคมระบุไว้
22.3. ตามกฎโดยทั่วไป สมาคมจะตอบกลับข้อสอบถามจากผู้ใช้ผ่านทางฟังก์ชันข้อความหรือทางอีเมลเท่านั้น
23. ความเป็นส่วนตัว
23.1. สมาคมให้ความสำคัญสูงสุดกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
23.2. สมาคมจะจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้แต่ละรายอย่างเหมาะสมตาม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
23.3. สมาคมสัญญาว่าจะใช้ความระมัดระวังและความเอาใจใส่อย่างสูงสุดต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการจัดการข้อมูลใด ๆ ทั้งหมดที่รวบรวมจากผู้ใช้
24. การแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้
สมาคมอาจแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ในกรณีใด ๆ ต่อไปนี้ ซึ่งในกรณีดังกล่าว สมาคมจะประกาศต่อสาธารณะโดยการเผยแพร่ไว้ในบริการหรือบนเว็บไซต์ของสมาคม หรือแจ้งให้ผู้ใช้ทราบตามวิธีการที่สมาคมกำหนด เพื่อให้ทราบถึงการแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ ตลอดจนเนื้อหาและวันมีผลบังคับใช้ของข้อกำหนดการใช้งานฉบับแก้ไข ทั้งนี้ ในกรณีตามข้อ (2) สมาคมจะประกาศการแก้ไขเพิ่มเติมสู่สาธารณะล่วงหน้าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนวันที่การแก้ไขจะมีผล และข้อกำหนดการใช้งานฉบับแก้ไขเพิ่มเติมให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่มีผลบังคับใช้นั้น
(1) เมื่อการแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้สอดคล้องกับผลประโยชน์ทั่วไปของผู้ใช้ หรือ
(2) เมื่อการแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนวัตถุประสงค์ของสัญญาฉบับใด ๆ และมีเหตุผลทางด้านความจำเป็นสำหรับการแก้ไขดังกล่าว ความเหมาะสมของเนื้อหาภายหลังการแก้ไขเพิ่มเติม และสถานการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น
25. กฎหมายที่ใช้บังคับและเขตอำนาจศาล
ให้ถือข้อกำหนดการใช้งานฉบับภาษาไทยเป็นฉบับที่ใช้บังคับอย่างเป็นทางการ และการกำหนด การมีผลบังคับใช้ และการตีความข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ให้อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายของประเทศไทย โดยข้อพิพาทใด ๆ ระหว่างผู้ใช้กับสมาคมที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับบริการ (รวมถึงเนื้อหาของโพสต์ การโฆษณา ฯลฯ) ให้อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายของประเทศไทย
26. ข้อจำกัดในการบังคับใช้ข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้
หากบทบัญญัติใดในข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ถูกพิจารณาว่าขัดต่อกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งบังคับใช้กับข้อตกลงกับผู้ใช้ฉบับที่อ้างอิงตามข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้ บทบัญญัติดังกล่าวจะไม่มีผลบังคับใช้กับข้อตกลงกับผู้ใช้ฉบับดังกล่าวในขอบเขตนั้น ๆ อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวไม่ให้มีผลกระทบต่อความถูกต้องสมบูรณ์ของบทบัญญัติอื่น ๆ ทั้งหมดในข้อกำหนดการใช้งานในเอกสารฉบับนี้
บทที่ 2 ข้อกำหนดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ (แนวปฏิบัติ)
1. ซอฟต์แวร์
แนวปฏิบัติในเอกสารฉบับนี้เป็นข้อบังคับที่ใช้กับซอฟต์แวร์ที่สมาคมจัดหาให้ โดยในบทนี้ "ซอฟต์แวร์" หมายถึง โปรแกรมแอปพลิเคชันที่สมาคมจัดหาให้ (รวมถึงโปรแกรม เช่น วิดเจ็ต) ส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) สำหรับบริการบนเว็บของสมาคม เครื่องมือสนับสนุนนักพัฒนา เช่น ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) (รวมถึงบริการต่าง ๆ เช่น บริการบนเว็บของสมาคมที่ให้บริการบนซอฟต์แวร์นั้น ๆ) ซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับการใช้บริการ เช่น โปรแกรมดูเนื้อหา และซอฟต์แวร์อื่น ๆ ทั้งหมดที่สมาคมจัดหาให้ (รวมถึงซอฟต์แวร์ฉบับปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซอฟต์แวร์ทดแทนและงานทำซ้ำต่าง ๆ) นอกจากนี้ “ซอฟต์แวร์” ยังให้รวมถึง สิ่งที่ผู้ใช้สามารถพัฒนาขึ้นได้ด้วยตนเองผ่านการใช้ซอฟต์แวร์ข้างต้น โดยผู้ใช้มีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อส่วนประกอบซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยผู้ใช้โดยการใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่าว (ต่อไปนี้เรียกว่า “ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้น”)
2. ข้อจำกัดในการใช้งาน
สมาคมอาจอ้างอิงจากวรรค 2 ของบทบัญญัติข้อ “13. การรับประกันและการปรับเปลี่ยนบริการ” ของหลักเกณฑ์ทั่วไปในบทที่ 1 จำกัดการใช้ซอฟต์แวร์และการทำงานบางอย่าง (เช่น ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อจำกัดจำนวนการเข้าถึงและเวลาในการเข้าถึงบริการ) นอกจากนี้ สมาคมอาจให้หรือยุติการสนับสนุนซอฟต์แวร์และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (รวมถึงซอฟต์แวร์ฉบับปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน) ตามบทบัญญัติในวรรคก่อนได้
3. เรื่องที่ต้องปฏิบัติตามในการใช้ซอฟต์แวร์
การกระทำต่อไปนี้เป็นสิ่งต้องห้ามเมื่อใช้ซอฟต์แวร์
(1) การทำวิศวกรรมย้อนกลับ การถอดประกอบ หรือถอดรหัสซอร์สโค้ดด้วยวิธีอื่นใดเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สมเหตุสมผลหรือในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง
(2) การใช้ซอฟต์แวร์เพื่อควบคุมอุปกรณ์หรือสิ่งที่คล้ายกันในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ ความปลอดภัยส่วนบุคคล หรือทรัพย์สิน
(3) การใช้ด้วยตนเองหรือดำเนินการให้บุคคลภายนอกใช้ซอฟต์แวร์หรือซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อประโยชน์ในการได้รับค่าตอบแทน
(4) การขาย เช่า หรืออนุญาตให้ใช้งานซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากสมาคมไม่ว่าที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือโดยวิธีอื่นตามที่สมาคมกำหนด
(5) การใช้งานหรือใช้ซอฟต์แวร์ในทางที่ผิดเกินจำนวนที่จำเป็นอย่างสมเหตุสมผล หรือการใช้ซอฟต์แวร์ในประการที่ไม่เป็นไปตามคำแนะนำที่สมาคมกำหนดไว้เกี่ยวกับการใช้ซอฟต์แวร์นั้น และ
(6) การใช้ซอฟต์แวร์ในลักษณะที่ไม่อยู่ในวัตถุประสงค์ของซอฟต์แวร์ หรือการใช้ซอฟต์แวร์ด้วยวิธีหรือในลักษณะที่สมาคมเห็นว่าไม่เหมาะสม
4. ข้อกำหนดที่เกี่ยวกับสิทธิ
บรรดาสิทธิทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ แฟ้มกระทำการ (executable file) และซอฟต์แวร์อื่น ๆ เป็นของสมาคมหรือพันธมิตรผู้ให้บริการของสมาคมในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้มีสิทธิต่าง ๆ ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ของประเทศไทยในซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้น ข้อกำหนดข้างต้นเกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ นั้นไม่ให้มีผลบังคับใช้
5. การไม่รับประกัน
สำหรับซอฟต์แวร์ที่สมาคมจัดหาให้นั้น ตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์ทั่วไปในบทที่ 1 สมาคมไม่ให้การรับประกันไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายว่าจะปราศจากปัญหา (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อบกพร่องเกี่ยวกับความปลอดภัย ข้อผิดพลาดและจุดบกพร่อง และการละเมิดสิทธิ์) หรือเกี่ยวกับด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ประสิทธิผล และความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ และความต่อเนื่องของการจัดหาซอฟต์แวร์ ทั้งนี้ สมาคมไม่มีหน้าที่จัดหาซอฟต์แวร์ให้แก่คุณเมื่อขจัดปัญหาดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว
กฎ กติกา และมารยาท
การร่วมกิจกรรมแสดงความเห็นในห้องสนทนา ผู้เข้าร่วมพึงต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันมหากษัตริย์และราชวงศ์ เป็นอันขาด
2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงเกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศ
3. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว เกินกว่าที่บรรทัดฐานของสังคมจะยอมรับได้
4. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทาง ลามก อนาจาร รุนแรง อุจาด
5. ห้ามเสนอข้อความอันมีเจตนาใส่ความบุคคลอื่น ให้ได้รับการดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลอื่น โดยไม่มีแหล่งที่มาของข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจน
6. ห้ามเสนอข้อความอันเป็นการท้าทาย ชักชวน โดยมีเจตนาก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น โดยมูลแห่งความขัดแย้งดังกล่าว ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยเสรีเช่นวิญญูชน พึงกระทำ
7. ห้ามเสนอข้อความกล่าวโจมตี หรือวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายต่อ ศาสนา หรือคำสอนของศาสนาใดๆ ทุกศาสนา
8. ห้ามใช้นามแฝงอันเป็นชื่อจริงของผู้อื่น โดยมีเจตนาทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด และเจ้าของชื่อผู้นั้นได้รับความเสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง
9. ห้ามเสนอข้อความอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในระหว่างสถาบันการศึกษา หรือระหว่างสังคมใดๆ
10. ห้ามเสนอข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่น เช่น อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนรำคาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเบอร์โทรศัพท์ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีโอกาสผิดพลาดคลาดเคลื่อน และเป็นสื่อที่สามารถใช้ในการกลั่นแกล้งได้ง่ายกว่าชนิดอื่น ‘สมาคมตำรวจ’ จึงไม่มีวัตถุประสงค์ในการเป็นสื่อกลางในการนำเสนอ
11.ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของสังคม
12. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อความซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดทั้งทางอาญาหรือทางแพ่ง เช่น การหลอกขายสินค้า ฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน โดยเฉพาะความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ความผิดเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา
13. เพื่อความสะดวกในการให้บริการ ปรับปรุงคุณภาพในการให้บริการ สำรวจความนิยม และปฏิบัติตามกฎหมาย ‘สมาคมตำรวจ’ จำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลของท่านบางประการ เช่น หมายเลขไอพี (IP Address) ชนิดของโปรแกรมค้น (Web Browser) บันทึกหน้าเว็บ (Web Page) เวลาเข้าเยี่ยมชม (Access Times) รวมถึงการใช้ฐานข้อมูลเดียวกับเว็บไซต์และแอบพลิเคชั่นของพันธมิตรของสมาคมตำรวจ โดยทั้งนี้ข้อมูลที่ทาง ‘สมาคมตำรวจ’ จัดเก็บนั้นจะไม่ถูกนำไปเผยแพร่ต่อบุคคลที่สามในลักษณะที่จะสามารถระบุตัวบุคคลผู้เข้าใช้งานได้ แต่จัดเก็บเป็นข้อมูลผู้เข้าใช้งานโดยรวมไปเพื่อนำไปประกอบการวิเคราะห์สำรวจความนิยม เว้นแต่เป็นไปเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น
‘สมาคมตำรวจ’ ขอสงวนสิทธิยกเลิกการให้บริการแก่สมาชิกซึ่งไม่ให้ความร่วมมือในการรักษากฎ กติกาและมารยาทของเว็บไซต์ เพื่อรักษาบรรยากาศการสนทนาที่ดีโดยรวม
การหมิ่นประมาท
การโพสต์ข้อความในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่า ผู้โพสต์จะเป็น "ผู้ใด" หากทำให้ "ผู้อื่น" เสียหาย ก็เป็นความผิดตามกฎหมายได้
คำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์แสดงความคิดเห็นที่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาท
การโพสต์แสดงความคิดเห็นพาดพิงถึงบุคคลอื่นบนเว็บไซต์โดยไม่ระวัง อาจทำให้ท่านได้รับความเดือดร้อนโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเท่าที่ผ่านมา มีสมาชิกหลายๆท่าน ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ทันตั้งตัวเนื่องจากโพสต์แสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ อาทิ
นาย ก. สั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ตแล้วไม่ได้รับสินค้า เลยโพสต์ด่าหาว่าคนขายโกงเงิน, คนขายขี้โกง เป็นต้น
นาง ข. ด่าผู้อื่นว่ารับสินบน, โกงกิน, รับส่วยใต้โต๊ะ, ประพฤติตนไม่สุจริต เป็นต้น
นาย ค. หรือ นาง ง. ด่าว่าคู่สมรสว่ามีชู้หรือมีเมียน้อย, ด่าว่าขายบริการทางเพศ เป็นต้น
นาย จ. โพสต์แสดงความคิดเห็นในแง่ร้ายด่า นาง ฉ. แม้ว่าไม่ได้ใส่ชื่อ นาง ฉ. ลงไปตรงๆ ถ้ามีผู้ใดเข้ามาอ่านแล้วสามารถเข้าใจได้ว่า ข้อความดังกล่าวหมายถึง นาง ฉ. ก็เป็นความผิดได้ เป็นต้น
ยอมเสียเวลาสักนิด เพื่อ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทในอินเทอร์เน็ต ดีกว่า
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือ ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 “ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียงบันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท”
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 “ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหาย แก่ชื่อเสียง หรือ เกียรติคุณ ของบุคคลอื่น ก็ดี หรือ เป็นที่เสียหาย แก่ทางทำมาหาได้ หรือ ทางเจริญของเขา โดยประการอื่น ก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหาย อย่างใดๆ อันเกิดแต่การนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้ ผู้ใด ส่งข่าวสาร อันตนมิได้รู้ว่า เป็นความไม่จริง หากว่า ตนเอง หรือ ผู้รับข่าวสารนั้น มีทางได้เสีย โดยชอบ ในการนั้นด้วยแล้ว ท่านว่า เพียงที่ส่งข่าวสารเช่นนั้น หาทำให้ผู้นั้น ต้องรับผิด ใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่”
ดังนั้นการโพสต์ข้อความในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่า คนโพสต์จะเป็น "ผู้ใด" หากทำให้คนอื่นเสียหาย ก็เป็นความผิดตามกฎหมายได้ เนื่องจากการ หมิ่นประมาทถ้าได้โพสต์หรือกล่าวพาดพิง ถึงใครให้คนอื่นฟัง ก็ถือเป็นการ "ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม" ถ้าข้อความที่โพสต์ ทำให้ผู้อ่านรู้สึก ไม่ดีกับผู้ที่ถูกกล่าวพาดพิงย่อมเป็นการโพสต์หรือกล่าวที่อาจเข้าข่าย "โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง" ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายได้ และเมื่อได้โพสต์ในอินเทอร์เน็ต ถือเป็นการ "หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา" ซึ่งโทษหนักกว่า ตัวอย่างเช่น
นาย A โพสต์ด่า นาง B ว่าเป็นเมียน้อย (ฎ.472/2540)
นาย C ด่านาง D ว่าเป็น กระหรี่ มีผัวมาแล้วหลายคน (ฎ.621/2518)
นาง E ด่านาย F ว่าบ้ากาม หมายถึงเป็นคนมักมากในกามคุณผิดวิสัยบุคคลทั่วไป (ฎ.782/2524)
นาง G ด่านาย H ว่ากินสินบน (ฎ.2296/2514) เป็นต้น
สรุปได้ว่าการโพสต์ข้อความละเมิดผู้อื่นบนเว็บไซต์สามารถเข้าข่ายมีความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ ผู้โพสต์จึงอาจเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้อง ดำเนินคดีทางศาล และถูกตัดสินให้ต้องรับผิดตามการพิจารณาของศาลได้
"อย่างไรก็ตามบางครั้งเมื่อท่านพบกับความไม่เป็นธรรม กฎหมายก็ไม่ได้ปิดปากท่านเสียทีเดียว" หากผู้โพสต์พิสูจน์ว่าการที่ตนได้โพสต์พาดพิงผู้อื่นเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมนั้น เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย ดังนี้ ข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 การจะพิสูจน์เรื่องข้อยกเว้นนั้น จะต้องเข้าเงื่อนไข 2 ประการ ด้วยกัน คือ ต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต คือ ต้องเป็นการพูดหรือโพสต์ที่เกิดจากการที่ตนได้ประสบพบเจอ เหตุการณ์นั้นๆโดยตรงและ ต้องเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ด้วย
เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ตามคลองธรรม เช่น
1.1 การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตคือเชื่อว่าเป็นจริง แม้จะเข้าใจผิดก็ได้รับความคุ้มครอง (ฎ.770/2526)
1.2 การแจ้งความตามสิทธิหรือแสดงความเห็นเมื่อเจ้าพนักงานถามโดยสุจริต ย่อมไม่เป็นหมิ่นประมาท (ฎ.370/2520)
1.3 การกล่าวตามความคิดของตน โดยเชื่อว่าเป็นความจริงเพื่อป้องกันส่วนได้เสียของตน (ฎ.1972/2517)
1.4 หากไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตแต่มุ่งใส่ร้ายเป็นส่วนตัว ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 329(1) (ฎ.1203/2520)
1.5 พูดในลักษณะที่เป็นการประจาน จะยกเหตุเพื่อความชอบธรรมป้องกันตนตามคลองธรรมขึ้นปฏิเสธความผิดไม่ได้ (ฎ.3725/2538)
2. ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
3. ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ กรณีนี้ ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องของส่วนรวมที่ประชาชนชอบที่จะติชมได้ เช่น เรื่อง ศาสนา เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของราชการ เป็นต้น
4. ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330
การที่จำเลยจะนำสืบเพื่อพิสูจน์ความจริงได้นั้น กฎหมายได้จำกัดมิให้ใช้สิทธิในการพิสูจน์ไว้ ถ้าเข้ากรณี ดังนี้
ถ้าข้อความที่หาว่าหมิ่นประมาทนั้น เป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และ
การพิสูจน์ความจริงนั้น ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
แต่ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนเสียก่อนว่า เมื่อเข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายแล้วจะไม่เป็นการหมิ่นประมาทและจะไม่โดน ฟ้องร้องนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะ การที่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนโพสต์นั้น เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ในชั้นศาล ซึ่งเป็นเรื่องหลังจากที่ตนถูกฟ้องร้องไปแล้ว
การโพสต์ข้อความบนอินเทอร์เน็ตไม่ใช่ท่านจะไม่มีตัวตนและไม่สามารถตามตัวท่านได้ เมื่อมีการโพสต์ข้อความอันเข้าข่ายหมิ่นประมาท ตามกฎหมาย หากพนักงานเจ้าหน้าที่ ของรัฐร้องขอข้อมูลของสมาชิกหรือไอพีแอดเดรส ที่โพสต์ข้อความดังกล่าว ทางเว็บไซต์ มีความจำเป็น ที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ เนื่องจาก พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 18(2), (3) กำหนดหน้าที่ดังกล่าวเอาไว้ ดังนี้
มาตรา 18 “ภายใต้บังคับมาตรา 19 เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มี อำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด และหาตัวผู้กระทำความผิด...
(2) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร ผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(3) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา 26 หรือ ที่อยู่ในความครอบครองหรือ ควบคุมให้แก่พนักงาน เจ้าหน้าที่ ...”
โปรด ระมัดระวังในการโพสต์แสดงความคิดเห็นในโมบายแอปพลิเคชั่น “สมาคมตำรวจ” ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แก่ตัวท่านเอง
คำแนะนำนี้ เป็นเพียงรายละเอียดเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ในการอ้างอิงได้ หากต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถหาอ่านได้จาก หนังสือกฎหมาย หรือเว็บไซต์ต่างๆได้ อาทิ
“สมศักดิ์ เอี่ยมพลับใหญ่ และ ทนงศักดิ์ ดุลยกาญจน์, “หมิ่นประมาทและดูหมิ่น”, พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2549)”
“หยุด แสงอุทัย, “กฎหมายอาญา ภาค 2-3”, คำสอนปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์, พิมพ์ครั้งที่ 5, (กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2520)”
“จิตติ ติงศภัทิย์, “คำอธิบายประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2ตอนที่ 2 และภาค 3”, พิมพ์ครั้งที่ 3, (กรุงเทพมหานคร: สำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา), 2524”
มาตรา ๑๔ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน ห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
(๑) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่ น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวล กฎหมายอาญา
(๒) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่ น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของ ประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับ ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔)
ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง (๑) มิได้กระทําต่อประชาชน แต่เป็นการ กระทําต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผู้กระทํา ผู้เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวาง โทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้เป็นความผิดอันยอม ความได้
คำอธิบาย มาตรา 14 โดยสรุป
มาตรา 14 ( 1 ) และ มาตรา 14 วรรคสอง
มาตรา 14 ( 1 ) เป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยมีเจตนาทุจริต หรือกล่าวอีกนัยก็คือ ฉ้อโกงผู้อื่นผ่านระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง แต่การฉ้อโกง
ตามมาตรา 14 ( 1) นี้ต้องเป็นการฉ้อโกงในลักษณะที่ประชาชนโดยทั่วไปสามารถเข้าสู่ข้อมูลเท็จที่หลอกลวงนั้นได้ จึงจะเป็นความผิด เช่น โพสต์ข้อความเท็จหลอกลวงฉ้อโกงขายสินค้าผ่านเว็บไชต์เฟซบุ๊กที่เปิดเป็นระบบสาธารณะ เป็นต้น แต่หากเป็นการส่งข้อมูลเท็จไปให้ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือฉ้อโกงส่วนตัวผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่นส่งข้อมูลไปฉ้อโกงผู้อื่นทางช่องทางแชทเฟซบุ๊กเป็นการส่วนตัว เช่นนี้จะเป็นความผิด
ตาม มาตรา 14 วรรคสอง และเป็นความผิดอันยอมความได้การนำข้อมูลเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยไม่มีเจตนาทุจริต เช่น นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยมีเจตนาหมิ่นประมาทผู้อื่น มิได้มีเจตนาทุจริต ย่อมไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 14 ( 1 ) หรือ มาตรา 14 วรรคสอง แต่จักเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 หรือ 328 และหากการใส่ความหรือดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแล้วไปโพสต์ข้อความลง facebook ด่าและใส่ความให้ร้ายกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรับสินบน รีดไถ ฯลฯ ย่อมเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328 เป็นต้น แต่ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 14 ( 1 ) พรบ.คอมพิวเตอร์
มาตรา 14 ( 2 )
เป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลเท็จที่นำเข้านั้น"น่าจะ" ก่อให้เกิดความเสียหายต่อ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ โครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนความผิดตามมาตรานี้เพียงแค่ "น่าจะ" เกิดความเสียหายก็เป็นความผิดสำเร็จแล้วไม่ต้องรอให้เกิดความเสียหายขึ้นจริงๆ เช่น โพสต์ข้อความเท็จเข้าสู่ระบบเฟซบุ๊ก ว่า "มีการวางระเบิดหรือก่อการร้าย ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง" ซึ่ง "น่าจะ" ทำให้ประชาชน ณ ที่แห่งนั้นตื่นตระหนก ก็เป็นความผิดตาม มาตรานี้ได้
มาตรา 14 ( 3 )
เป็นการนำข้อมูลที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 107 ถึง มาตรา 135 หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 ถึง มาตรา 135/4เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
มาตรา 14 ( 4 )
เป็นการนำข้อมูลลามก เช่น ภาพโป๊ คลิปโป๊ ภาพอวัยวะเพศ ภาพการร่วมเพศเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงและเปิดดูข้อมูลลามกนั้นได้จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้ หากส่งให้ผู้อื่นดูเป็นการส่วนตัว ประชาชนทั่วไปไม่อาจเข้าถึงได้ ไม่เป็นความผิดตาม มาตรานี้
มาตรา 14 ( 5 )
เป็นความผิดกรณีเผยแพร่ หรือ ส่งต่อ หรือ แชร์ต่อ ซึ่งข้อมูลที่เป็นความผิดตาม มาตรา 14 ( 1 ) ( 2 ) ( 3 ) ( 4 ) กล่าว คือ ผู้ที่ส่งต่อหรือแชร์ต่อไม่ได้นำเข้าข้อมูลดังกล่าวด้วยตนเองแต่เมื่อพบเห็นข้อมูลดังกล่าวแล้วทำการ แชร์ หรือส่งต่อ จะต้องรับผิดตามมาตรานี้
**การแชร์ ( Share ) คือการแบ่งปัน หรือ ส่งต่อ หรือเผยแพร่ หากไป
"แชร์" ข้อมูลซึ่งผิดกฎหมาย จะมีความผิดตาม มาตรา 14 ( 5 ) ***
การกดไลค์( Like ) คือการชอบ การถูกใจโดยลักษณะของคำจึงมิใช่การแบ่งปัน หรือเผยแพร่หรือส่งต่อแต่เป็นการชอบ พอถูกใจ ดังนั้นการกดไลค์ข้อความใดย่อมไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย ยกเว้นแต่ผู้กดไลค์มีเจตนาพิเศษ จงใจหรือประสงค์ให้ข้อความที่ตนกดไลค์นั้น ถูกเผยแพร่ไปยังกระดานข้อความของเพื่อนๆตนซึ่งต้องพิสูจน์เป็นรายกรณีไป
มาตรา ๑๖ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
ผู้ใดนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีและ ปรับไม่เกินสองแสนบาท
ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทําต่อภาพของผู้ตาย และการกระทํานั้น น่าจะทําให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง หรือได้รับ ความอับอายผู้กระทําต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง
ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง เป็นการนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดย สุจริตอันเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทํา ผู้กระทําไม่มีความผิด
ความผิดตามวรรคหนึ่งและวรรคสองเป็นความผิดอันยอมความได้
ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองตายเสียก่อนร้องทุกข์ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
คำอธิบาย มาตรา 16 วรรคหนึ่ง
เป็นกรณีการ "สร้าง" หรือนำภาพของ "ผู้อื่น" มา ต่อเติม ดัดแปลง จนทำให้เจ้าของภาพเสียหาย เสียชื่อเสียง ในลักษณะหมิ่นประมาทเจ้าของภาพ จากภาพที่ถูกสร้างหรือตัดแปลงขึ้นมานั้น แล้วโพสต์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงและเห็นภาพนั้นได้ ในลักษณะหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ผู้กระทำจะมีความผิดตามมาตรานี้ และความผิดตาม มาตรานี้เป็นความผิด อันยอมความได้ผู้เสียหาย จึงต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
มาตรา 16 วรรคสอง
เป็นกรณีการ "สร้าง" หรือนำภาพของ "ผู้ตาย" มา ต่อเติม ดัดแปลง จนทำให้ พ่อ แม่ สามีหรือภรรยา หรือลูก ของผู้ตาย เสี่ยหาย เสียชื่อเสียง ในลักษณะหมิ่นประมาท พ่อ แม่ สามีหรือภรรยา หรือลูก ของผู้ตาย จากภาพผู้ตายที่ถูกสร้างหรือตัดแปลงขึ้นมานั้น แล้วโพสต์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงและเห็นภาพนั้นได้ ในลักษณะหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ผู้กระทำจะมีความผิดตามมาตรานี้ และความผิดตาม มาตรานี้เป็นความผิด อันยอมความได้ พ่อ แม่สามีหรือกรรยา หรือลูก ของผู้ตาย จึงต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
มาตรา 16 วรรคสาม
กรณีผู้กระทำตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง "สร้าง" หรือนำภาพของ " ผู้อื่น หรือผู้ตาย" มา ต่อเติม ตัดแปลง แล้วโพสต์เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตหากกระทำไปโดยสุจริตอันเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ผู้กระทำ "ไม่มีความผิด"เลย อย่างไรจึงจะเป็นการกระทำโดยสุจริต อย่างไรเป็นการกระทำโดยติชมด้วยความเป็นธรรม และอย่างไรเป็นการกระทำในลักษณะวิสัยของประชาชนทั่วไปที่ย่อมกระทำ จักต้องวัดจากความรู้สึกของ "วิญญูชนโดยทั่วไป และคงต้องดูข้อเท็จจริงเป็นรายกรณีไป มิใช่วัดจากความรู้สึกของผู้กระทำเท่านั้น ดังนั้น หากผู้กระทำความผิดจักอาศัยข้อยกเว้นตามมาตรานี้ จึงควรจักต้องตรองให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อนว่าผู้กระทำนำมาตรฐานความรู้สึกของ "วิญญูชนโดยทั่วไป" มาเทียบแล้วหรือไม่
มาตรา 16 วรรคสี่
กำหนดให้ความผิดตาม มาตรา 16 วรรคหนึ่ง หรือ 16 วรรคสอง เป็นความผิดอันยอมความได้ ผลคือผู้เสียหายตามวรรคหนึ่ง หรือทายาทของผู้ตายตามวรรคสองต้องร้องทุกข์ ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดฉะนั้นคดีจะขาดอายุความร้องทุกข์
มาตรา 16 วรรคห้า
เป็นการอุดช่องว่างมีให้คดีสูญหายตายไปกับผู้เสียหาย กล่าวคือ หากผู้เสียหายผู้กระทำผิดตามวรรคหนึ่ง แล้วผู้เสียหายเกิดตายเสี่ยก่อนที่จะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน มาตรา 16 วรรคห้า ได้เปิดช่องกำหนดให้ พ่อ แม่ สามีหรือภรรยา หรือลูกของผู้เสียหาย ร้องทุกข์แทนได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหายอีกด้วย
นโยบายการใช้คุกกี้ (cookies policy)
ปรับปรุงเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566
เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของสมาคมตำรวจ (“บริการ”) หรือ สมาคมตำรวจ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “สมาคม” หรือ “เรา”) และผู้ให้บริการรายอื่นตั้งค่าและใช้คุกกี้ รวมถึงเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันเพื่อจัดเก็บ ดูแลข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้งาน ส่งโฆษณา ให้บริการบทความ วิเคราะห์และจัดเก็บการใช้งานบนบริการ ยกตัวอย่างเช่น การใช้คุกกี้และเทคโนโลยีติดตามอื่นๆ เป็นพื้นฐานสำหรับการจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ของผู้ใช้งานผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน หรือบริการอื่นๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมว่าเราใช้คุกกี้และเทคโนโลยีที่เหมือนกัน รวมถึงเราควบคุมเครื่องมือต่างๆ อย่างไรจะถูกระบุไว้อยู่ด้านล่างนี้
ช่องทางติดต่อเรา
หากท่านมีข้อสงสัย ข้อหารือเกี่ยวกับการตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ หรือนโยบายการใช้งานคุกกี้ โปรดติดต่อเราตามช่องทางติดต่อด้านล่าง พร้อมระบุรายละเอียดข้อสงสัย ข้อหารือมาให้ชัดเจน ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิที่จะไม่ตอบข้อสงสัย ข้อหารือที่ท่านส่งมาโดยไม่มีการระบุรายละเอียดใดๆ
ชื่อ: สมาคมตำรวจ
สถานที่ติดต่อ: 89 หมู่ 3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์: 0-2973-5338
โทรสาร: 0-2973-5227
ติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล: rtpamobileapp@gmail.com หรือทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ด้านบน (ส่งถึงฝ่ายดูแลข้อมูลส่วนบุคคล)
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการใช้คุกกี้
นโยบายการใช้คุกกี้อาจถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมอยู่เป็นระยะ ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์นี้หากต้องการทราบนโยบายการใช้คุกกี้ฉบับปรับปรุงของเรา
สารบัญ:
คุกกี้คืออะไร
เราใช้คุกกี้อย่างไร
ชนิดของคุกกี้
คุกกี้ของบุคคลที่สาม
การจัดการคุกกี้
การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าคุกกี้
สัญลักษณ์ที่ไม่ให้ติดตาม (Do Not Track)
การเชื่อมต่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์
คุกกี้คืออะไร
คุกกี้คือไฟล์ข้อมูลเล็กๆ วางอยู่บนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ระบุตัวตนและจดจำผู้ใช้งาน หรืออุปกรณ์เพื่อจะจัดเก็บข้อมูล เราอาจทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากท่านโดยอัตโนมัติผ่านคุกกี้หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกันเมื่อท่านเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา โดยคุกกี้จะถูกแบ่งประเภทไปตามหน้าที่การใช้งานและวัตถุประสงค์การใช้งานของเรา ได้แก่ คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย และคุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย
เราใช้คุกกี้อย่างไร
เราและพันธมิตรบุคคลภายนอกของเราอาจเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านคุกกี้สำหรับข้อมูลการเข้าใช้บริการ เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของท่านให้ดียิ่งขึ้นและเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ รวมถึง
1. จดจำผู้ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น คุกกี้จะช่วยให้เราระบุตัวตนได้ว่าท่านคือผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนไว้บนบริการของเรา หรือเก็บการตั้งค่า หรือข้อมูลที่ท่านเคยให้เราไว้
2. วิเคราะห์การใช้งานของท่านบนบริการของเรา เราสามารถใช้คุกกี้เพื่อจะเข้าใจว่าผู้ใช้บริการใช้งานอะไรบ้างบนบริการของเรา หรือหน้าไหน ส่วนไหนของบริการที่เป็นที่นิยมที่สุด
3. นำเสนอโฆษณา โดยใช้คุกกี้ช่วยให้เรานำเสนอโฆษณาที่เราเชื่อว่าท่านจะสนใจโดยมาจากข้อมูลของท่าน (ตามที่ระบุไว้ในหัวข้อเราใช้ข้อมูลของท่านอย่างไร และหัวข้อเกี่ยวกับโฆษณาในนโยบายความเป็นส่วนตัว)
โปรดสังเกตว่าเราใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น แต่อาจจะมีการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลมาด้วยผ่านเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้ผู้โฆษณาและหุ้นส่วนอื่นๆ ของเราวิเคราะห์ได้ว่าท่านและบุคคลอื่นๆ ใช้บริการเราอย่างไรเพื่อนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสม
ชนิดของคุกกี้
เราใช้คุกกี้แต่ละประเภทโดยทั้งหมดหรือบางส่วนของคุกกี้อาจอยู่บนเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันของท่าน ท่านอาจสามารถปิดหรือจัดการคุกกี้ได้ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าถ้าท่านทำเช่นนั้น เราอาจจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานตามความชอบของท่านได้ และบริการบางส่วนของเราอาจไม่สามารถทำงานได้อย่างที่สมควร
คุกกี้ของบุคคลที่สาม
เราอาจอนุญาตให้ผู้โฆษณาและหุ้นส่วนบุคคลภายนอกอื่นๆ มาวางคุกกี้ เว็บบีคอน และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน ไว้บนบางบริการของเราเพื่อวิเคราะห์ว่าบริการเหล่านี้ถูกใช้อย่างไรและนำไปเสนอโฆษณา โปรดสังเกตว่าการใช้คุกกี้ของบุคคลภายนอกอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเอง เราไม่อาจรับผิดชอบในการใช้คุกกี้ของบุคคลภายนอก ท่านสามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับคุกกี้ของบุคคลภายนอกบนบริการของเราได้บางส่วนตามที่ระบุไว้ด้านล่างนี้
Google Ads Manager:https://adssettings.google.com/authenticated?hl=en
Pubmatic:https://pubmatic.com/legal/privacy-policy/
Innity:https://www.innity.com/privacy-policy/
Adnxs:https://www.xandr.com/privacy/platform-privacy-policy/
Facebook:https://www.facebook.com/policy/cookies/
Criteo:https://www.criteo.com/privacy/
Taboolahttps://www.taboola.com/policies/privacy-policy
การจัดการคุกกี้
ท่านสามารถบริหารจัดการคุกกี้บนเว็บไซต์ผ่านการตั้งค่าบนเบราว์เซอร์ได้ และท่านมีทางเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าโดยยอมรับ ปฏิเสธ หรือลบคุกกี้ ถ้าท่านเลือกจะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า ท่านอาจจะพบว่าระบบหรือบริการของเราอาจไม่สามารถบริการได้เต็มประสิทธิภาพ การตั้งค่าบนบนเบราว์เซอร์แต่ละประเภทค่อนข้างจะแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อจะบริหารจัดการคุกกี้ ท่านควรเข้าไปตรวจสอบการตั้งค่าบนเบราว์เซอร์ของท่าน
เราเข้าใจว่าท่านอาจจะต้องการรู้จักคุกกี้มากขึ้น ดังนั้นเราจะจึงจะจัดหาแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของคุกกี้ให้ท่านทราบ รวมถึงแต่ละประเภทจะถูกใช้อย่างไร และท่านสามารถปรับการตั้งค่าคุกกี้อย่างไร บน www.aboutcookies.org หรือ www.allaboutcookies.org ทั้งนี้โปรดเข้าไปยังไอคอนด้านล่างนี้สำหรับรายละเอียดที่จะปิดหรือลบคุกกี้สำหรับเบราว์เซอร์ทั่วๆ ไป ดังนี้
เรายังมีการใช้เทคโนโลยีติดตามอื่นๆ นอกเหนือจากคุกกี้ดังนี้
การแชร์ข้อมูลท้องถิ่น หรือ แฟลชคุกกี้ ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนข้อมูล บทความบนเบราว์เซอร์ โดยอโดบีแฟลช คุกกี้เหล่านี้ถูกใช้ในการลงโฆษณาและบทความ วิดีโอ บนเว็บไซต์ เหมือนคุกกี้ประเภทอื่นๆทีจะเก็บข้อมูลบนอุปกรณ์ของท่าน บางอันจะถูกใช้เพื่อให้สามารถใช้งานโปรแกรมแฟลช โดยแฟลชคุกกี้จะถูกลบได้จากภายในอโดบีแฟลชเท่านั้นไม่ใช่บนเบราว์เซอร์ กรุณาเข้าไปดูวิธีการจัดการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของท่านและลบแฟลชคุกกี้ได้ที่http://www.macromedia.com/support/documentation/en/flashplayer/help/settings_manager.html
เว็บเซิร์ฟเวอร์ และข้อมูลการใช้งานแอปพลิเคชัน บริการของเราจะจัดเก็บข้อมูลอัตโนมัติเพื่อช่วยเราตรวจสอบและป้องกันบริการของเรา วิเคราะห์การใช้งาน และปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้งาน ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บจะมีดังนี้
ไอพีแอดเดรส และชนิดของเบราว์เซอร์
ข้อมูลอุปกรณ์ รวมถึงที่ระบุตัวตนของอุปกรณ์ (UDID) ที่อยู่ MAC ที่ระบุตัวตนสำหรับ ผู้โฆษณา (IFA) และที่ระบุตัวตนอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน หรือตามแต่ที่ได้รับมอบหมาย
ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์และข้อเท็จจริงทางเทคนิคอื่นๆ
เมือง รัฐ และประเทศที่ท่านเข้าถึงเว็บไซต์ของเรา
หน้าที่เข้าเยี่ยมชม บทความที่เปิดดู บันทึก
ข้อมูลหรือข้อความที่กรอก หรือบันทึก
ลิงค์ หรือปุ่มที่กดเข้าไปดู
URLs ที่เข้าเยี่ยมชมก่อนหน้าและหลังจากใช้บริการของเรา
การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าคุกกี้
นอกจากที่ท่านสามารถใช้เครื่องมือควบคุมคุกกี้บนเบราว์เซอร์ในการจัดการคุกกี้ได้แล้ว ท่านสามารถปรับการตั้งค่าการใช้คุกกี้บนเว็บไซต์ของเราได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมในการปรับตั้งค่า โปรดเยี่ยมชมที่หัวข้อชนิดของคุกกี้ตามที่ระบุไว้ด้านบน
อย่างไรก็ตาม เราขอแจ้งให้ท่านทราบว่าการปิดการใช้งานคุกกี้บางตัว อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของเว็บไซต์ และอาจส่งผลถึงขั้นที่ทำให้ท่านไม่สามารถใช้งาน หรือบริการของเราได้บางส่วน
สัญลักษณ์ที่ไม่ให้ติดตาม (Do Not Track)
บางเบราว์เซอร์ส่งสัญลักษณ์ที่ไม่ให้ติดตามมายังเว็บไซต์ต่างๆ เนื่องจากขาดกระบวนการในการใช้ตีความสัญลักษณ์ที่ไม่ให้ติดตามในอุตสาหกรรม เราจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยน แก้ไข หรือตอบสนองต่อสัญญาณนี้จากเบราว์เซอร์ได้ในตอนนี้ เรายังคงควบคุมดูแลกิจกรรมต่างๆ ในอุตสาหกรรมต่อไป และจะตอบสนองต่อเรื่องสัญลักษณ์ที่ไม่ให้ติดตามเท่าที่จำเป็น
การเชื่อมต่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์
บางบริการของเราอาจรวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น ปุ่มกดถูกใจบนเฟซบุ๊ก และปุ่มแชร์ หรือปุ่มตอบสนองต่างๆ นอกจากนี้ท่านอาจจะเลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์ของท่านในการลงชื่อเข้าใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น เฟซบุ๊กหรือลิงค์อินเพื่อเข้ามายังบริการของเรา ถ้าท่านเลือกที่จะเชื่อมต่อโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือบริการอื่นที่คล้ายคลึงกัน เราอาจจะได้รับข้อมูลที่ระบุตัวตนของท่านจากบริการนั้นเพื่ออนุญาตให้ท่านลงชื่อเข้าใช้งาน รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่ท่านเลือกจะแบ่งปันเมื่อท่านเชื่อมต่อด้วยบริการเหล่านี้
บริการเหล่านี้อาจจัดเก็บข้อมูลของท่าน เช่นเว็บไซต์ที่ท่านเคยเข้าเยี่ยมชม ไอพีแอดเดรส และอาจจะมีการตั้งค่าคุกกี้เพื่อที่จะให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม เราจะไม่รับผิดชอบถึงความปลอดภัยหรือข้อมูลความเป็นส่วนตัวใดๆ ที่ถูกจัดเก็บโดยบริการของบุคคลภายนอกเหล่านี้ ท่านควรศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของบริการของบุคคลภายนอกที่ท่านเชื่อมต่อ ใช้ หรือเข้าถึง ในกรณีที่ท่านไม่ต้องการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกแบ่งปันผ่านบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ หรือผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์รายอื่น โปรดอย่าเชื่อมต่อบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของท่านกับบัญชีของท่านบนบริการเรา และโปรดอย่าใช้ระบบแชร์ข้อมูลบนบริการของเรา
(แก้ไขเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566)
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (27 ต.ค. 2566)
1. ‘สมาคมตำรวจ’ ได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าเยี่ยมชมและใช้บริการเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น โดยนโยบายนี้กำหนดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพื่อช่วยให้ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือใช้บริการได้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว และทราบถึงทางเลือกเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวเมื่อเข้าใช้เว็บไซต์
2. วัตถุประสงค์ของการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
‘สมาคมตำรวจ’ เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายและวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานของผู้เข้าใช้ การเสิร์ชข้อมูล เพื่อทำให้เข้าใจพฤติกรรมและตอบสนองความต้องการของผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือใช้บริการ เพื่อปรับแต่งตัวเลือกฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมไปถึงเพื่อการพัฒนา Big data และ A.I. (ปัญญาประดิษฐ์) ต่อไปในอนาคต
3. ‘สมาคมตำรวจ’ มีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร
‘สมาคมตำรวจ’ มีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการจากการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การสูญหาย การใช้ข้อมูลในทางที่ผิดไปจากวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บ การเปิดเผยและการเปลี่ยนแปลงแก้ไข เช่น firewall, encode, การควบคุมและการอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูล รวมถึงตรวจสอบว่าข้อมูลที่มีอยู่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน แต่ไม่รวมถึงข้อมูลที่ ‘สมาคมตำรวจ’ ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้บริการให้เปิดเผยแก่บุคคลภายนอกตามที่มีการเชื่อมต่อบัญชี
4. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ ‘สมาคมตำรวจ’ จัดเก็บ
4.1 ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการทั่วไป เช่น cookies ซึ่งจัดเก็บเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลของผู้เข้าเยี่ยมชมหรือบริการเว็บไซต์ และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานเฉพาะบุคคลในการแสดงผลซึ่งผู้ใช้งานอาจมีความสนใจเป็นพิเศษ รวมถึงรักษาบรรยากาศการใช้งานโดยรวม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่ใช่ข้อมูลที่จะสามารถบ่งชี้ถึงตัวบุคคลของผู้เข้าใช้งานได้
4.2 ข้อมูลที่ผู้เข้าใช้บริการได้ลงทะเบียนสมัครสมาชิก เช่น ชื่อสมาชิก (ชื่อ login), email, หมายเลขโทรศัพท์, วันที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลสมาชิก โดยจัดเก็บเพื่อวัตถุประสงค์ในการยืนยันตัวบุคคลและป้องกันการปลอมแปลงตัวตน และจัดเก็บเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อกับสมาชิกกรณีสมาชิกต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ แต่ไม่รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับบัตรประชาชนที่ผู้สมัครสมาชิกได้ใช้ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก, และไม่รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ใช้บริการ Facebook หรือ Google ยกเว้นแต่ email ที่ใช้ในการเชื่อมต่อบัญชี อนึ่ง ข้อมูลเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงทะเบียนสมัครสมาชิกจะถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลา 15 วันหลังจากการตรวจสอบข้อมูลเพื่อใช้ในการยืนยันตัวบุคคล
4.3 ข้อมูลของผู้แจ้งลบห้องสนทนา เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์, email, หมายเลขโทรศัพท์, วันและเวลาที่แจ้งลบ จัดเก็บเพื่อจัดทำรายงานการแจ้งลบ
4.4 ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จัดเก็บตามข้อบังคับประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
4.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าใช้บริการ เช่น ข้อมูลการตั้งและตอบห้องสนทนา, การร่างห้องสนทนา (draft), link, รูปภาพในคลังภาพของ login, gifs, videos, ข้อมูลการปรับแต่ง tag, ติดตามหรือบล็อก tag, การแสดงความรู้สึก, กดให้คะแนน, กดติดตาม, ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์การใช้งาน, ช่องทางการใช้งาน, ตำแหน่งของการเข้าใช้งาน, ข้อมูลการสนทนาหลังไมค์, log files โดยจัดเก็บเพื่อรักษาบรรยากาศการใช้งานและวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน
4.6 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บเพื่อร่วมกิจกรรมกับทาง ‘สมาคมตำรวจ’ เช่น ชื่อนามสกุล, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, email จะถูกเก็บเพื่อใช้ในการติดต่อสมาชิกผู้เข้าร่วมกิจกรรม
4.7 เนื่องจากการให้ความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล มีผลเป็นการยินยอมให้ ‘สมาคมตำรวจ’ เก็บข้อมูลตามวัตถุประสงค์ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น ‘สมาคมตำรวจ’ จึงขอสงวนสิทธิในการให้ความยินยอมการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะแต่บุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว หรือมิฉะนั้นจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมาย
5. ระยะเวลาในการเก็บรวมรวบข้อมูลส่วนบุคคล ‘สมาคมตำรวจ’ ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าใช้บริการซึ่งได้ลงทะเบียนสมัครสมาชิกจะถูกจัดเก็บไว้ตลอดระยะเวลาการเข้าใช้บริการ
6. การถอนความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจถอนความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของตนเมื่อใดก็ได้ โดยการถอนความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจะมีผลเป็นการ deactivate สถานะสมาชิกซึ่งอาจทำให้ผู้เข้าใช้บริการไม่ได้รับประโยชน์ในการเข้าใช้บริการบางอย่าง ดังนี้
6.1 ผู้เข้าใช้บริการจะไม่สามารถเข้าถึงหน้า Profile ของตนเองได้อีก
6.2 ผู้เข้าใช้บริการจะไม่สามารถเข้าถึงหน้าสนทนาส่วนตัวของตนได้อีก โดยที่คู่สนทนาอีกฝ่ายหนึ่งจะยังคงสามารถเข้าถึงหน้าสนทนา ที่ได้เคยสนทนาค้างไว้ได้ตามปกติ
6.3 ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ซึ่ง ‘สมาคมตำรวจ’ จะต้องจัดเก็บตามกฎหมายยังคงต้องจัดเก็บอยู่ต่อไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย
6.4 ข้อความที่เกิดจากการตั้งห้องสนทนาหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ(post, comment) บนห้องสนทนาสาธารณะของผู้เข้าใช้บริการก่อนการแจ้งยกเลิกการใช้งาน ซึ่งไม่ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานจะไม่ถูกลบออกไปด้วย โดยหากต้องการลบผู้ใช้จะต้องเข้าไปแก้ไขหรือลบข้อความในแต่ละโพสด้วยตนเอง ก่อนที่จะมีการยกเลิกสมาชิกสำเร็จ หรือหากต้องการลบหลังจากยกเลิกสมาชิกไปแล้วต้องทำการแจ้งลบเข้ามาผ่านการกดปุ่มแจ้งลบหน้าห้องสนทนานั้นๆ โดยทางแอดมินจะพิจารณาลบอย่างเช่นห้องสนทนาทั่วไป
6.5 ผู้เข้าใช้บริการ reactivate สถานะสมาชิกได้ ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงหน้า Profile และหน้าสนทนาส่วนตัวของตนได้ตามปกติ
6.6 การถอนความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลนี้ สำหรับการจัดเก็บข้อมูลประเภท data analytic ซึ่งถูกนำมาประมวลผลเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน จัดหาห้องสนทนาแนะนำให้ผู้ใช้แต่ละราย, การโฆษณา, การตลาด, วิเคราะห์สถิติการเข้าใช้งาน ที่ได้จัดเก็บไปก่อนหน้าที่จะมีการแจ้งถอนความยินยอม จะถูกลบออกและทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้ได้ เมื่อมีการแจ้งถอนความยินยอมเข้ามา ตามขั้นตอนในข้อ 6.7 ซึ่งเป็นผลให้ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพิ่มเติมไปใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้อีก จนกว่าจะมีการยินยอมให้เก็บข้อมูลอีกครั้ง
6.7 ขั้นตอนการถอนความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
6.7.1 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อเพื่อถอนความยินยอมได้ที่ โมบายแอปพลิเคชั่น “สมาคมตำรวจ” ที่เมนู "ติดต่อฝ่ายแอดมิน" จากนั้นตั้งหัวข้องเรื่อง "ยกเลิกข้อมูลทะเบียนสมาชิก" พร้อม เติมข้อมูลที่เกี่ยวข้องลงในแบบฟอร์ม แล้วกดส่งข้อความ
6.7.2 ทีมงานตรวจสอบและติดต่อกลับเจ้าของข้อมูลเพื่อแจ้งข้อควรทราบในการยกเลิกสมาชิก ผ่านช่องทางหลังไมค์ในระบบสมาชิกที่ต้องการถอนความยินยอม
6.7.3 เจ้าของข้อมูลรับทราบและยืนยันการยกเลิก จากนั้นระบบจะหยุดทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้รายนั้นๆเพิ่มเติม และข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บไว้ก่อนหน้าจะลบออกภายใน 14 วัน การถอนความยินยอมเป็นอันเสร็จสมบูรณ์
โดยโปรไฟล์ของผู้ใช้งานที่ยกเลิกสำเร็จแล้วจะไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ยังมีการเก็บข้อมูลไว้ตามที่พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (Computer Crime Act.) กำหนดให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม ในกรณีที่อาจมีเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตามกฏหมายเรียกขอข้อมูลเข้ามาตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในกฏหมาย
7. การแลกเปลี่ยนข้อมูล
‘สมาคมตำรวจ’ ไม่มีนโยบายเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าใช้บริการในลักษณะเจาะจงเป็นรายบุคคลหรือบ่งชี้ถึงตัวบุคคลแก่บุคคลภายนอก เว้นแต่จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ‘สมาคมตำรวจ’ มีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เฉพาะแต่ในกรณีดังต่อไปนี้
7.1 กับองค์กรและพันธมิตรของ ‘สมาคมตำรวจ’ เพื่อความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการในการใช้บริการโมบายแอปพลิเคชั่นสมาคมตำรวจหรือบริการที่เกี่ยวข้องไปได้ในทันที
7.2 กับบริษัทอื่นซึ่งได้ให้บริการแก่ บริษัท เทรดสยาม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินการออกแบบและพัฒนาระบบโมบายแอปพลิเคชั่นสมาคมตำรวจ โดย ‘สมาคมตำรวจ’ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ให้บริการภายนอกที่ให้บริการหรือได้รับมอบหมายให้กระทำการแทนในนามของ ‘สมาคมตำรวจ’ ซึ่งผู้ให้บริการภายนอกเหล่านี้อาจเป็นการให้บริการประเภท ช่วยในการประมวลผลการทำรายการ วิเคราะห์สถิติ ส่งโฆษณา วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน เป็นต้น โดยข้อมูลดังกล่าวจะไม่สามารถระบุถึงตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้
7.3 กับบริษัทอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือการพัฒนาระบบของโมบายแอปพลิเคชั่นสมาคมตำรวจ โดยข้อมูลดังกล่าวจะไม่สามารถระบุถึงตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้
7.4 กรณีที่ ‘สมาคมตำรวจ’ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าใช้งานมาจากบุคคลฝ่ายที่สาม ‘สมาคมตำรวจ’ จะแจ้งไปยังเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอีกครั้งเพื่อขอความยินยอมอีกครั้ง
8. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
8.1ผู้เข้าใช้บริการทั่วไปมีสิทธิขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน (cookies) ได้โดยต้องนําอุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าถึงโมบายแอปพลิเคชั่นสมาคมตำรวจ เช่น computer notebook, tablet, โทรศัพท์มือถือ มาที่สำนักงานใหญ่ ‘สมาคมตำรวจ’ เพื่อขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล
8.2 ผู้เข้าใช้บริการซึ่งได้ลงทะเบียนสมัครสมาชิกมีสิทธิขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้โดยนําหลักฐาน ได้แก่
8.2 บัตรประชาชนหรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียน
8.2 email ที่ได้ใช้ลงทะเบียน
8.3 ชื่อนามแฝง
8.4 รหัสผ่านนามแฝง
มาที่สำนักงานใหญ่ ‘สมาคมตำรวจ’ เพื่อขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล
9. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถติดต่อในเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองได้ที่
‘สมาคมตำรวจ’ อาคารสโมสรตำรวจ เลขที่ 89 หมู่ 3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 0-2973-5338
เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลผู้ใช้
・หน้าเพจที่แสดงความยินยอมนี้คืออะไร
สมาคมตำรวจ ขอความร่วมมือจากผู้ใช้ในการให้ความยินยอมต่อการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในการพัฒนาปรับปรุงบริการ รวมถึงการแก้ไขแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอบริการที่มีคุณภาพยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้
・ความยินยอมของข้าพเจ้าจำเป็นหรือไม่
ผู้ใช้ทุกรายจำเป็นต้องให้ความยินยอมต่อนโยบายความเป็นส่วนตัว เนื่องจากนโยบายนี้จะระบุวิธีการต่างๆ
ที่ สมาคมตำรวจ ใช้ในการจัดการข้อมูลในบริการต่างๆ ของ สมาคมตำรวจ
ความยินยอมในการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในการพัฒนาปรับปรุงบริการที่ผู้ใช้ให้ไว้เป็นเงื่อนไขที่ไม่ได้เป็นการบังคับ และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาที่การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในแอพพลิเคชัน สมาคมตำรวจ
・จะมีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใดเกิดขึ้นหลังจากผู้ใช้ให้ความยินยอมใน "การใช้ข้อมูลผู้ใช้"
วัตถุประสงค์หลักในการรับความยินยอมจากผู้ใช้ในครั้งนี้ คือเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงบริการในระยะยาวของ สมาคมตำรวจ โดยข้อมูลผู้ใช้จะไม่ถูกนำไปเผยแพร่ในบริการต่างๆ ของ สมาคมตำรวจ และผู้ใช้จะไม่ได้รับข้อความขยะหรือสแปมจำนวนมากอันเป็นผลมาจากการให้ความยินยอมของผู้ใช้ นอกจากนี้ ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งเตือนที่ระบุไว้ด้านล่างเมื่อผู้ใช้ได้ให้ความยินยอมแล้วเท่านั้น
・สมาคมตำรวจ จะมีการพัฒนาบริการอย่างไร
สมาคมตำรวจ มีแผนในการพัฒนาปรับปรุงบริการดังต่อไปนี้
■ การป้องกันการใช้งานอย่างไม่ถูกต้องและการหลอกลวงต่างๆ
สมาคมตำรวจ จะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้งานอย่างไม่ถูกต้องหรือการหลอกลวงต่างๆ เช่น ผู้ใช้คลิก URL ที่ไม่ได้รับอนุญาตบน สมาคมตำรวจ หรือการกระทำต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การขโมยบัญชี สมาคมตำรวจ ได้
■ การปรับปรุง วิจัย และพัฒนาบริการ
สมาคมตำรวจ จะนำข้อมูลที่ได้มาใช้เป็นข้อมูลในการเรียนรู้สำหรับแมชชีนเลิร์นนิ่งและดีพเลิร์นนิ่ง เพื่อพัฒนาการทำงานหรือคุณภาพบริการของเรา
โดยข้อมูลนี้จะถูกนำไปใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงบริการ สนับสนุนการวิจัย และพัฒนาต่อไป เพื่อปรับปรุงการทำงานของบริการที่เราจัดทำขึ้น หรือตรวจสอบรูปแบบการจัดวางและออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่ายสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
■ การแสดงเนื้อหาและโฆษณาเฉพาะที่ผู้ใช้สนใจ
เมื่อผู้ใช้ให้ความยินยอม สมาคมตำรวจ จะแสดงโฆษณาที่ผู้ใช้แต่ละรายมีความสนใจมากขึ้นจากการได้รับข้อมูลและประเภทความสนใจของผู้ใช้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ สมาคมตำรวจ ยังอาจแนะนำบริการต่างๆ โดยพิจารณาจากรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน
โดยวัตถุประสงค์ที่กล่าวข้างต้นเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ สมาคมตำรวจ แจ้งให้แก่ผู้ใช้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ที่บริการ สมาคมตำรวจ เปิดตัวครั้งแรก อย่างไรก็ตาม สมาคมตำรวจ พิจารณาแล้วเห็นว่าข้อมูลที่จะใช้ในครั้งนี้เป็นข้อมูลที่เชื่อมโยงกับความเป็นส่วนตัวสูงมาก จึงต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความโปร่งใสในเรื่องการจัดการข้อมูลและเป็นการเคารพต่อสิทธิของผู้ใช้
・จะมีการใช้ข้อมูลประเภทใดหากข้าพเจ้าให้ความยินยอมในเรื่องการใช้ข้อมูลผู้ใช้
รายละเอียดของข้อมูลที่ สมาคมตำรวจ นำไปใช้ มีดังต่อไปนี้
■ ข้อมูลเกี่ยวกับห้องสนทนา
ห้องสนทนา คือสถานที่ในโมบายแอพพลิเคชันสมาคมตำรวจ ที่ผู้ใช้ส่งและรับเนื้อหาต่างๆ เช่น ข้อความ ทั้งนี้ บัญชีผู้ใช้งาน หมายถึงบัญชีต่างๆ ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นในแอพพลิเคชันสมาคมตำรวจ
■ การสนทนากับบัญชีผู้ใช้งาน
การใช้ข้อมูลการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับเนื้อหาและรูปแบบในการแชทระหว่างผู้ใช้
กับบัญชีผู้ใช้งานต่างๆ ได้แก่
• ตัวอย่างของเนื้อหา (*1, *2)
- ข้อความที่เป็นตัวอักษร (คำและวลีต่างๆ เช่น "สวัสดีตอนเช้า")
- รูปภาพและวิดีโอ (รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น การตั้งค่ากล้อง วันที่และเวลาที่ถ่ายรูปภาพและวิดีโอ)
- เนื้อหาข้อความที่บอกข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง (ข้อความที่มีข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบัน และ/หรือสถานที่ปลายทาง)
- เนื้อหาที่ระบุเมื่อใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ในแชท (เช่น ฟังก์ชั่นการจัดทำตารางนัดและการโหวต)
- สติกเกอร์และอิโมจิที่ใช้ (รวมถึงอิโมจิที่ส่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อความที่เป็นตัวอักษร)
• ข้อมูลที่เกี่ยวกับรูปแบบ
- รูปแบบข้อมูล (ข้อมูลที่ระบุว่าเนื้อหาที่ส่งเป็นข้อความตัวอักษร รูปภาพ วิดีโอ หรืออื่น ๆ)
- ข้อมูลที่ระบุว่าเนื้อหาที่ส่งไปนั้นถูกอ่านแล้วหรือไม่
- ผู้ส่งและผู้รับเนื้อหา ตลอดจนวันที่และเวลาที่เนื้อหานั้นถูกส่งและได้รับ
- วันที่และเวลาที่มีการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ในแชท
*1. เนื้อหา หมายถึงข้อมูลที่ถูกส่งและได้รับในแอพพลิเคชัน สมาคมตำรวจ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อความที่เป็นตัวอักษร รูปภาพ วิดีโอ สติกเกอร์ อิโมจิ และฟังก์ชั่นต่างๆ ในแชท เช่น ฟังก์ชั่นการจัดทำตารางนัดและการโหวต นอกจากนี้ยังรวมถึงเนื้อหาที่ถูกลบออกโดยการใช้ฟังก์ชั่นยกเลิกข้อความ
*2. เนื้อหาจากบัญชีทางการที่อาจประกอบด้วยข้อมูลเรื่องอ่อนไหวจะไม่ถูกนำไปใช้ โดยบัญชีทางการดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะบัญชีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐบาล เทศบาล พรรคการเมือง หน่วยงานด้านการเงิน โรงพยาบาล และองค์กรทางศาสนา
■ การแชทระหว่างผู้ใช้
ในการแชทระหว่างผู้ใช้ ข้อมูลในรูปแบบที่กล่าวถึงด้านบน รวมถึงสติกเกอร์และอิโมจิที่ใช้จะถูกนำไปใช้ แต่เนื้อหาการแชท เช่น ข้อความที่เป็นตัวอักษร รูปภาพ และวิดีโอ จะไม่ถูกนำมาใช้
■ ข้อมูลเกี่ยวกับการดูเว็บไซต์ต่างๆ
จะมีการใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ URL ที่ผู้ใช้ได้เข้าดูหรือแหล่งข้อมูล (*3) ของ URL ที่เข้าถึงผ่านแอพพลิเคชัน สมาคมตำรวจ สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ URL ที่เข้าถึงโดยใช้เบราว์เซอร์ภายนอกแอพพลิเคชัน สมาคมตำรวจ (เช่น Chrome หรือ Safari) จะมีการใช้เฉพาะข้อมูล URL ที่เชื่อมต่อในแอพพลิเคชัน สมาคมตำรวจ เท่านั้น
*3. แหล่งข้อมูล หมายถึงข้อมูลเกี่ยวกับแชทที่มีการเชื่อมต่อเมื่อมีการเข้าถึงเว็บไซต์หรือสิ่งอื่นๆ ผ่านทาง URL
・ฟังก์ชั่นการรับข้อความแจ้งเตือนคืออะไร
ฟังก์ชั่นนี้จะทำให้ผู้ใช้ได้รับข้อความแจ้งเตือนซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ผ่านทาง โมบายแอปพลิเคชั่น “สมาคมตำรวจ” เช่น วันและเวลาที่จะมีการจัดส่งของ ข้อมูลเกี่ยวกับความล่าช้าของเที่ยวบินที่ผู้ใช้ได้จองไว้โดยตรงกับบริษัทผู้ให้บริการ เมื่อผู้ใช้ยอมรับการใช้ฟังก์ชั่น ผู้ใช้จะสามารถรับข้อความแจ้งเตือนจากสมาคมตำรวจได้ โดยจะส่งให้เฉพาะข้อมูลที่ สมาคมตำรวจ พิจารณาแล้วว่าเป็นประโยชน์และมีความเหมาะสมแก่ผู้ใช้เท่านั้น และจะไม่มีการส่งข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาแต่อย่างใด
การส่งข้อความแจ้งเตือนจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการเชื่อมโยงหมายเลขโทรศัพท์หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้ใช้ลงทะเบียนไว้กับ สมาคมตำรวจ เข้ากับหมายเลขโทรศัพท์หรือข้อมูลอื่นๆ ที่บริษัทนั้นๆ มีแล้วเท่านั้น จะไม่มีการส่งข้อความให้โดยใช้เฉพาะข้อมูลที่ได้ลงทะเบียนไว้กับแอพพลิเคชัน สมาคมตำรวจ เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ในการใช้ฟังก์ชั่นการรับข้อความแจ้งเตือน บริษัทที่เกี่ยวข้องจะได้ตัวระบุภายในของ สมาคมตำรวจ (รหัสเฉพาะที่กำหนดให้แก่ผู้ใช้แอพพลิเคชัน สมาคมตำรวจ แต่ละราย) ที่เชื่อมต่อกับหมายเลขโทรศัพท์หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ลงทะเบียนไว้กับ สมาคมตำรวจ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่างบริษัทนั้นกับผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้อย่างง่ายดายตลอดเวลา หากผู้ใช้ไม่ประสงค์จะรับข้อความแจ้งเตือนเหล่านี้ ขอให้บล็อคบัญชีของบริษัทนั้นหรือปิดการใช้งานฟังก์ชั่นนี้จากการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในแอพพลิเคชัน สมาคมตำรวจ
・"แชร์ข้อมูลไปยังองค์กรและบริษัทอื่นๆ ที่เป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับ สมาคมตำรวจ บริษัทผู้ให้บริการ และบริษัทผู้รับจ้างช่วง" หมายความว่าอย่างไร
องค์กรและบริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับ สมาคมตำรวจ หมายถึง องค์กรและบริษัทต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรของ สมาคมตำรวจ บริษัทผู้ให้บริการและผู้รับจ้างช่วงของ สมาคมตำรวจ กล่าวคือบริษัทภายนอกที่ได้ทำสัญญาให้ดำเนินการบริการแทน สมาคมตำรวจ
ข้อมูลของผู้ใช้จะถูกแชร์กับบริษัทดังกล่าวข้างต้นเท่านั้น โดยเป็นข้อมูลที่น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นและอยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของ สมาคมตำรวจ